วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562

รสในวรรณคดีไทย




อ้างอิง :https://www.google.com/search?biw=1

💡 รสในวรรณคดีไทย
รสในวรรณดี มิได้เหมือนกับรสชาติของอาหารที่สัมผัสลิ้มรสชาติด้วยปลายลิ้น เฉกเช่นเดียวกับอาหาร แต่รสชาติในวรรณคดีนั้นสัมผัสด้วยรสถ้อยคำสำนวน ท่วงทำนองในการแต่ง คติเตือนใจ อารมณ์สะเทือนใจต่างๆที่แฝงอยู่ ซึ่งเป็นรสชาติที่น่าลิ้มลองน่าสัมผัสยิ่งนักสำหรับผู้ที่รักในวรรณคดีไทย

รสทางวรรณคดีมี ๔ ชนิด คือ 👉 เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พิโรธวาทัง สัลลาปังคพิไสย 

  ๑) เสาวรจนี (เสาว ว. ดี, งาม. + รจนี ก. ตกแต่ง, ประพันธ์; ว. งาม) รสนี้เป็นการชมความงาม ชมโฉม พร่ำพรรณาแลบรรยายถึงความงามแห่งนาง ทั้งตามขนบกวีเก่าก่อนแลในแบบฉบับส่วนตัว ตัวอย่างเช่น


         …หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย           ควรจะนับว่าชายโฉมยง 
        ทนต์แดงดั่งแสงทับทิม               เพริศพริ้มเพรารับกับขนง 
        เกศาปลายงอนงามทรง               เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา… 


   จากบทข้างต้น เป็นการกล่าวชมรูปโฉมของวิหยาสะกำ ซึ่งถูกสังคามาระตาสังหาร กล่าวว่า     วิหยาสะกำนั้น เป็นชายหนุ่มรูปงาม ฟันนั้นเป็นแสงแวววาวสีแดงราวกับแสงของทับทิม       ซึ่งตัดรับกับคิ้ว รวมทั้งปลายเส้นผมซึ่งงอนงามขึ้นเป็นทรงสวยงาม รับกับทรวดทรงองค์เอว     ของวิหยาสะกำ


 ๒) นารีปราโมทย์ (นารี น. หญิง + ปราโมทย์ น.ความบันเทิงใจ,ความปลื้มใจ,ปราโมช ก็ว่า) คือ การทำให้ “นารี” นั้น ปลื้ม “ปราโมทย์” ซึ่งรูปแบบหนี่งก็คือ การแสดงความรักผ่านการเกี้ยวโอ้โลมปฏิโลม อันคำว่า “โอ้โลมปฏิโลม” นี้ ความหมายอันแท้จริงของคำก็คือ การใช้มือลูบไปตาม(โอ้)แนวขน(โลมา)และย้อน(ปฏิ)ขนขึ้นมา เมื่อโอ้โลมไปมาในเบื้องปลาย นารีก็จักปรีดาปราโมทย์ ในตอนที่ศึกษา มีเพียงแค่ตอนที่อิเหนากำลังสั่งลาจากนางจินตะหรา ซึ่งเมื่ออ่านดูแล้วบางทีอาจจะไม่ถึงกับเป็นการโอ้โลมปฏิโลมเท่าใดนัก เพียงจะจัดไว้ ณ ที่นี้ เนื่องเพราะเป็นบทที่แสดงถึงความรัก กล่าวคือ

         เมื่อนั้น               พระสุริย์วงศ์เทวัญอสัญหยา 
      โลมนางพลางกล่าววาจา      จงผินมาพาทีกับพี่ชาย 
      ซึ่งสัญญาว่าไว้กับนวลน้อง     จะคงครองไมตรีไม่หนีหน่าย 
      มิได้แกล้งกลอกกลับอภิปราย   อย่าสงกาว่าจะวายคลายรัก


     จากบทข้างต้น ก็คือบทที่อิเหนาได้บอกกล่าวกับจินตะหราว่าตนไปก็คงไปเพียงไม่นาน    ขอจินตะหราอย่าร้องไห้โศกเศร้าเลย



๓) พิโรธวาทัง (พิโรธ ก. โกรธเกรี้ยว ไม่สบอารามณ์ + วาทัง น. วาทะ คำพูด)      คือการแสดงความโกธรแค้นผ่านการใช้คำตัดพ้อต่อว่าให้สาใจ ทั้งยังสำแดงความน้อยเนื้อต่ำใจ,ความผิดหวัง, ความแค้นคับอับจิต ความโกรธกริ้วตามออกมาด้วย เหมือนกล้วยกับเปลือก กวีมักตัดพ้อและประชดประเทียดเสียด ตัวอย่างของรสพิโรธวาทังนี้ก็มีอยู่มากมายที่จะยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างก็จะมี กล่าวคือ

             เมื่อนั้น               พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง 
          ประกาศิตสีหนาทอาจอง       จะณรงค์สงครามก็ตามใจ 
          ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร     จากอาสน์แท่นทองผ่องใส 
          พนักงานปิดม่านทันใด        เสด็จเข้าข้างในฉับพลันฯ 


      ในบทที่ยกมานี้เป็นตอนที่ท้าวดาหาได้ฟังความจากราชทูตของเมืองกะหมังกุหนิงที่กล่าวไว้ว่าถ้าท้าวดาหาไม่ยอมยกบุษบาให้กับวิหยาสะกำ ก็ขอให้เตรียมบ้านเมืองไว้ให้ดีเพราะเมืองกะหมังกุหนิงจะยกทัพมารบเมื่อท้าวดาหาได้ฟังก็โกรธเดือดดาลทันใดจึงบอกไปว่าจะมารบก็มาแล้วก็ลุกออกไปทันที



 ๔) สัลลาปังคพิไสย (สัลล น. ความโศกโศกาเศร้าร่ำน้ำตานอง, ความเจ็บปวดแปลบๆ แลบแล่นในเนื้อใจ,การครวญคร่ำรำพันรำพึง / สัลลาป น. การพูดจากัน + องค์ น. บท, ชิ้น อัน, ตัว + พิไสย น. ความสามารถ ฤาจะแผลงมาจาก วิสัย ซึ่งแปลว่า ธรรมชาติของสิ่งนั้น ๆ ฤาสันดาน ก็อาจเป็นได้) คือ การโอดคร่ำครวญ หรือบทโศกอันว่าด้วยการจากพรากสิ่งอันเป็นที่รัก มีใช้ให้เกลื่อนกล่นไปในบรรดานิราศ (ก. ไปจาก, ระเหระหน, ปราศจาก, ปราศจากความหวัง,ไม่มีความต้องการ, หมดอยาก, เฉยอยู่) เนื่องเพราะกวี อันมีท่านสุนทรภู่นำเริ่ดบรรเจิดรัศมีอยู่ที่หน้าขบวน จำต้องจรจากนางอันเป็นที่รัก อกจึงหนักแลครวญคร่ำจำนรรจ์ ประหนึ่งหายห่างกันไปครึ่งชีวิต ในตอนนี้ก็มีเช่นกัน เป็นบทที่อิเหนากำลังชมนกชมไม้ระหว่างจะไปดาหา 
         ว่าพลางทางชมคณานก        โผนผกจับไม้อึงมี่

       เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี           เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา 

       นางนวลจับนางนวลนอน          เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา 

       จากพรากจับจากจำนรรจา         เหมือนจากนางสการะวาตี 

       แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง           เหมือนร้างห้องมาหยารัศมี 

       นกแก้วจับแก้วพาที             เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา 

                            
   จากบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าอิเหนากำลังโศกเศร้าอย่างหนัก เพราะไม่ว่าจะมองอะไรก็นึกถึงแต่นางทั้งสามที่ตนรัก อันได้แก่ จินตะหรา มาหยารัศมี และสการะวาตีมองสิ่งใดก็สามารถเชื่อมโยงกับนางทั้งสามได้หมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ไตรยางศ์

อ้างอิง :https://www.google.com/search?q=%E0%B8%AD%E0% ไตรยางค์คือ❓   ไตรยางศ์ หรือ อักษรสามหมู่                                 ...